กรอบแนวคิดการวิจัยด้านรัฐศาสตร์
เทคนิคการสร้าง กรอบแนวคิดการวิจัยด้านรัฐศาสตร์
ประเภทของกรอบงานและเทคนิค
- กรอบแนวคิด:ใช้ทฤษฎีเช่นลัทธิมากซ์หรือเสรีนิยมเพื่อให้มีชุดคำจำกัดความและแนวคิดที่ช่วยชี้นำมุมมองการวิจัย
- กรอบแนวทางเชิงวิธีการ:มุ่งเน้นไปที่ขั้นตอนและเทคนิคเชิงระบบที่ใช้ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
- เชิงปริมาณ:ใช้ข้อมูลเชิงตัวเลข มักมาจากการสำรวจ การทดลอง และการวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อวัดและทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
- เชิงคุณภาพ:สำรวจ “อะไร” และ “อย่างไร” ของปรากฏการณ์ทางการเมืองโดยใช้วิธีการเชิงลึก เช่น การศึกษาเฉพาะกรณี การสัมภาษณ์ และการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อทำความเข้าใจบริบทและความหมาย
- วิธีผสมผสาน:ผสมผสานทั้งวิธีเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเพื่อให้การวิเคราะห์ครอบคลุมมากขึ้น
- กรอบทฤษฎีเชิงรูปนัย:ใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์และตรรกะเพื่อสร้างแบบจำลองและทดสอบสมมติฐานด้วยเทคนิคเช่นทฤษฎีเกมและทฤษฎีการเลือกทางสังคม
- การสำรวจ:ใช้สำหรับการวิจัยเชิงพรรณนาหรือเชิงสาเหตุ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็น ทัศนคติ หรือพฤติกรรมจากกลุ่มตัวอย่างเพื่อสรุปผลไปยังประชากร
- กรณีศึกษา:การสืบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ บุคคล องค์กร หรือกระบวนการเดียวเพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
- การทดลอง:การจัดการตัวแปรเพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ แม้ว่าจะไม่ค่อยพบเห็นบ่อยเท่าวิธีการอื่นในรัฐศาสตร์ก็ตาม
- การสัมภาษณ์และกลุ่มเป้าหมาย:เทคนิคเชิงคุณภาพสำหรับการรวบรวมข้อมูลรายละเอียดโดยตรงจากบุคคลหรือกลุ่มต่างๆ
- การวิเคราะห์เอกสารและข้อมูลรอง:วิเคราะห์เอกสาร ข้อมูล และบันทึกที่มีอยู่เพื่อดำเนินการวิจัย
- การกำหนดปัญหา:กรอบการทำงานช่วยกำหนดกรอบคำถามการวิจัยโดยการระบุแนวคิดหลักและความสัมพันธ์ที่ต้องตรวจสอบ
- การสร้างสมมติฐาน:นักวิจัยกำหนดสมมติฐานที่จะทำการทดสอบโดยอิงตามกรอบทฤษฎี
- การรวบรวมข้อมูล:กรอบการทำงานกำหนดว่าวิธีใด (เชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ หรือแบบผสม) เหมาะสมที่สุดสำหรับการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- การวิเคราะห์ข้อมูล:มีการใช้กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมอย่างเป็นระบบ โดยใช้เครื่องมือทางสถิติสำหรับข้อมูลเชิงปริมาณหรือวิธีการตีความสำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ
- การตีความและการตรวจสอบ:ผลการค้นพบจะถูกตีความภายในบริบทของกรอบงานเริ่มต้น และใช้เพื่อตรวจสอบหรือหักล้างสมมติฐาน และสนับสนุนองค์ความรู้ที่มีอยู่
สมมติฐาน การทำวิจัยด้านรัฐศาสตร์
ดังที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นแล้วว่าในการวิจัยเชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์นั้นมักจะมีการกำหนด สมมติฐานเพื่อเป็นการคาดคะเนคำตอบการวิจัยไว้ล่วงหน้า ดังนั้นในบทที่ 5 จะเป็นการอธิบายถึง ความหมายของสมมติฐาน วัตถุประสงค์ในการตั้งสมมติฐาน ลักษณะ ประเภทและการทดสอบ สมมติฐาน ผลที่ได้จากการทดสอบสมมติฐาน ขั้นตอนและความผิดพลาดในการทสอบสมมติฐาน และระดับนัยสำคัญ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ความหมายของสมมติฐาน สมมติฐาน (Hypothesis) หมายถึง ข้อสมมติหรือข้อความที่ผู้วิจัยคาดคะเนไว้ล่วงหน้า อย่างมีเหตุผลซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ และเมื่อผ่านการพิสูจน์แล้วข้อความนั้น ๆ อาจจะเป็นจริงหรือไม่จริง ก็ได้ (Cozby, 2004, p. 374; Mcintyre, 2005, pp. 52-54; Muijs, 2011, p. 7) วัตถุประสงค์ในการตั้งสมมติฐานในการวิจัยเชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์ การตั้งสมมติฐานมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของงานวิจัย โดยผู้วิจัยสามารถ กำหนดเป็นข้อความบอกเล่าที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรของงานวิจัยอย่างน้อย 2 ตัว ซึ่งสามารถช้อธิบายตัวแปรใน 2 ลักษณะ คือ 1) ลักษณะเปรียบเทียบระหว่างตัวแปรและ 2) ลักษณะ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร
ข้อมูลและตัวแปรในการวิจัยเชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์
ในการวิจัยเชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์นั้น ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่ผู้วิจัยจำเป็น ต้องมีความรู้อย่างถูกต้องและลึกซึ้งคือประเด็นเรื่องข้อมูลและตัวแปร ดังนั้นรายละเอียดในบทที่ 6 จะเป็นการอธิบายประเด็นทั้งสองประเด็น ได้แก่ 1) ข้อมูล และ 2) ตัวแปร โดยในส่วนแรกจะเป็น การอธิบายถึงความหมายและประเภทของข้อมูล และในส่วนที่สองจะเป็นการอธิบายถึงความหมาย ประเภทและมาตราหรือระดับการวัดของตัวแปร
โดยทั้งสองส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ความหมายของข้อมูล ข้อมูล (Data) คือ รายละเอียด ข้อเท็จจริงหรือหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นที่สามารถ แสดงออกมาได้หลายรูปแบบ เช่น ในรูปของภาพ ข้อความ หรือตัวเลข ในการทำวิจัยทุกครั้งข้อมูล จะถูกเก็บรวบรวมโดยใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างผสมผสานกันตามความเหมาะสม ของข้อมูล และนำมากระทำตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย เช่น พรรณนา เปรียบเทียบ วิเคราะห์ สังเคราะห์ อธิบาย หรือสร้างแบบจำลอง เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (Neuman, 2007, p. 7; Schreiber and Asner-Self, 2011, p. 230)
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์
เป็นการอธิบายถึงความหมายของประชากรและกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย เชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์ หลักการในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งนิยมกระทำโดยใช้วิธีการ 3 วิธี คือ 1) การพิจารณาจากขนาดของประชากร 2) การใช้ตาราง สำเร็จรูป และ 3) การใช้สูตรคำนวณ
นอกจากนี้ยังได้อธิบายว่าวิธีการสุ่มตัวอย่างสามารถจำแนก ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ การสุ่มตัวอย่างแบบอาศัยความน่าจะเป็นและการสุ่มตัวอย่างโดยไม่ใช้ ความน่าจะเป็นและข้อผิดพลาดในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยมีรายละเอียดตามลำดับดังต่อไปนี้
ประชากร ประชากร (Population) หมายถึง สมาชิกทั้งหมดที่ผู้วิจัยต้องการศึกษา ทั้งนี้สมาชิกแต่ละ หน่วยในประชากรเรียกว่า หน่วยประชากร (Element) ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งหน่วยที่ผู้วิจัยต้องการศึกษาอาจเป็นคน ครัวเรือน หมู่บ้าน สถานบริการหรือองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานวิจัย (Pole, & Lampard, 2002, p. 32; McIntyre, 2005, p. 94; สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์, 254 1, หน้า 101) ตัวอย่างของประชากรการวิจัย มีดังตารางต่อไปนี้
อ้างอิง :

